ECONOMICS : นำไทยชนะ สิ้นสุดมหากาพย์ค่าโง่โฮปเวลล์
จากโพสของ KUL บนเฟซบุก ชัยชนะต่อคดีโฮปเวลล์ ทำให้ไทย ไม […]
จากโพสของ KUL บนเฟซบุก
ชัยชนะต่อคดีโฮปเวลล์ ทำให้ไทย ไม่ต้องเสียค่าโง่ 2.7 หมื่นล้าน สร้างความปิติยินดับกับผองไทยทั้งชาติ เพราะเงินจำนวนนี้ สามารถนำมาพัฒนาชาติได้หลายเรื่อง แทนการเสียเงินให้เอกชน
หัสเดิม โครงการนี้ เดินหน้าในปี 2533 ในสมัยรัฐบาล พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี และมีนายมนตรี พงษ์พานิช เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นเมกะโปรเจค ก่อสร้างทางรถไฟฟ้ายกระดับ เพื่อแก้ปัญหาจราจรติดขัด ผู้ชนะการประมูล จะมีรายได้จากค่าโดยสาร และจากอสังหาริมทรัพย์ตลอดทาง บริษัท โฮปเวลล์โฮลดิงส์ ของนาย กอร์ดอน วู ประธานบริหารโฮปเวลล์ โฮลดิ้ง ยักษ์ใหญ่วงการก่อสร้างของฮ่องกง เป็นผู้ชนะ ด้วยเม็ดเงินลงทุน 8 หมื่นล้านบาท ที่เอกชน จะรับผิดชอบ แลกค่ารายได้ และสัมปทาน หลังสร้างเสร็จ
แต่หลังตอกเสาเข็ม พบว่าการก่อสร้างล่าช้ากว่ากำหนด ด้วยปัญหาการส่งมอบพื้นที่ เรื่องของเศรษฐกิจที่ไม่เติบโตเท่าที่ควร ปัญหาเงินทุน มีความพยายามล้มโครงการโดยภาครัฐ ก่อนจะเกิดขึ้นจริงในรัฐบาลนายชวน หลีกภัยเมื่อปี 2541 หลังก่อสร้าง 7 ปี คืบหน้า 13.7%
ทำให้ต่อมา บริษัทโฮปเวลล์โฮลดิ้ง ได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในการยกเลิกสัญญา จนกลายเป็นคดีความระหว่างภาครัฐ กับเอกชนมาโดยตลอด
ความขัดแย้งดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการะงับข้อพิพาทของคณะอนุญาโตตุลาการ
คณะอนุญาโตตุลาการ ได้วินิจฉัยชี้ขาดเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ให้กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย คืนเงินชดเชยให้โฮปเวลล์โฮลดิงส์ เนื่องจากการบอกเลิกสัญญาไม่เป็นธรรม เป็นเงิน 11,888.75 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินค่าก่อสร้าง 9,000 ล้านบาท เงินค่าตอบแทนจากการใช้ประโยชน์ที่ดินที่บริษัทชำระไปแล้ว 2,850 ล้านบาท และเงินค่าออกหนังสือค้ำประกัน 38,749,800 บาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี และคืนหนังสือค้ำประกันมูลค่า 500 ล้านบาท ให้กับบริษัท
การต่อสู้เดินหน้าไปถึงชั้นของศาลปกครอง ที่เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2562 ยืนยันคำวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการ
ต่อมา หลังการเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ในการกำกับดูแลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลกระทรวงคมนาคม ในสมัยนั้น ปรากฏว่า กระทรวงคมนาคม มีนโยบาย สู้ยิบตา ไม่ยอมเสียค่าโง่
โดยได้รับความร่วมมือจากนักกฎหมายมือฉมังอย่าง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเข้ามาประสานช่วยเหลือ พร้อมทีมพระกาฬจากกระทรวงคมนาคม และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิ นายยิ้ม ซึ่งเป็นนิติกรการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่คอยให้ข้อมูลสำคัญในทางคดีความแก่นายพีระพันธุ์ และทีมกฎหมาย ซึ่งทั้งหมดได้รับการสนับสนุนจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ที่สุดแล้ว เมื่อวันที่ 18 ก.ย.66 ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษา “เพิกถอนคำชี้ขาด” ของคณะอนุญาโตตุลาการที่สั่งให้กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศ ไทย) จำกัด
ถือว่าคดีโฮปเวลล์ พลิกกลับมาในจุดที่ภาครัฐได้เปรียบ
โดยศาลให้เหตุผลว่า การที่มีคำพิพากษาเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ เนื่องจาก โฮปเวลล์ฯ ได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญา เมื่อวันที่ 30 ม.ค.2541 จึงมีสิทธิที่จะเสนอข้อพิพาทต่อคณะอนุญาโตตุลาการได้อย่างช้าที่สุดภายในวันที่ 30 ม.ค.2546 แต่โฮปเวลล์ฯกลับยื่นคำเสนอข้อพิพาท เมื่อวันที่ 24 พ.ย.2547 ดังนั้นจึงพ้นระยะเวลาห้าปีนับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการเสนอข้อพิพาทตามมาตรา 51 แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ พ.ศ.2542 ที่แก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวไป 1 ปี 9 เดือนเศษ “ดังนั้นสิทธิเรียกร้องของบริษัท โฮปเวลล์ฯ จึงขาดอายุความ”
ที่สุดแล้ว การที่ภาครัฐเอาชนะคดีค่าโง่โฮปเวลล์ได้ เพราะ การสนับสนุนของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กล้าวัดใจให้ ทีมคมนาคมโดย นายอนุทิน รองนายกฯ ณ ขณะนั้น และ นายศักดิ์สยาม รมว.คมนาคม รุกสู้คดี ไปจนถึงความหลักแหลมของ นายพีระพันธุ์ และทีมกฎหมายภาครัฐ ไปจนถึงฝ่ายปฏิบัติงาน ที่เกี่ยวข้อง ถ้าขาดองคาพยพไหนไป ความสำเร็จ ย่อมยากที่จะเกิดขึ้น
ติดตามเรา
Website : o2oforum
Facebook : o2oforum
Line : @o2oforum
Subscribe : o2oforum
Tel : 0970344225, 0970347554, 0970343220, 0952156145