SUSTAINABILITY

SUSTAINABILITY : AOT ชวนปลูกต้นตะเคียนทองได้คาร์บอนเครดิต

ในเชิงความเชื่อ ต้นตะเคียนทองมักถูกกล่าวถึงในเรื่องเล่า […]

SUSTAINABILITY : AOT ชวนปลูกต้นตะเคียนทองได้คาร์บอนเครดิต

ในเชิงความเชื่อ ต้นตะเคียนทองมักถูกกล่าวถึงในเรื่องเล่าว่ามีวิญญาณสิงสถิต โดยคนไทยเชื่อว่ามี “นางตะเคียน” ที่คอยคุ้มครองต้นไม้ ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเคารพต่อธรรมชาติและการรักษาสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม วิทยาศาสตร์ได้อธิบายว่า ความเชื่อเหล่านี้อาจเป็นวิธีการหนึ่งในการส่งเสริมการอนุรักษ์ไม้ขนาดใหญ่ และลดการตัดไม้ทำลายป่า เนื่องจากต้นตะเคียนทองเป็นไม้ที่มีอายุยืนยาวและเจริญเติบโตช้า การใช้ตำนานเพื่อปกป้องต้นไม้กลายเป็นวัฒนธรรมที่เข้ากันได้กับหลักการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน

ตะเคียนทองเป็นไม้ยืนต้นที่มีความสูงถึง 40 เมตร และเป็นไม้ที่พบได้ในป่าดิบชื้นแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงในประเทศไทย เป็นไม้มงคลที่มีความสำคัญในวัฒนธรรมไทยมาตั้งแต่โบราณ ด้วยความเชื่อที่ว่าต้นตะเคียนทองเป็นที่อยู่อาศัยของวิญญาณผู้หญิงศักดิ์สิทธิ์ และมักใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาและความเชื่อ เช่น การบวงสรวงหรือการขอเลขเด็ด ทำให้ต้นตะเคียนทองมีความน่านับถือในสังคมไทย นอกจากนี้เนื้อไม้ตะเคียนทองยังมีคุณภาพดีมาก นิยมใช้ทำเฟอร์นิเจอร์และก่อสร้างในงานอาคารบ้านเรือน เพราะเป็นไม้ที่มีความแข็งแรงทนทาน และสามารถใช้งานได้นานโดยไม่ผุกร่อนง่าย 

ตะเคียนทองเติบโตในป่าดิบชื้นที่อุดมสมบูรณ์ของประเทศไทย มักพบตามริมน้ำหรือตามพื้นที่ที่มีดินชุ่มชื้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ไม้ตะเคียนทองสามารถเจริญเติบโตได้ดีและมีเนื้อไม้ที่แน่นแข็งแรง อย่างไรก็ตาม การตัดไม้ทำลายป่าในปัจจุบันส่งผลกระทบต่อปริมาณของต้นตะเคียนทอง ทำให้ไม้ชนิดนี้จัดอยู่ในกลุ่มไม้ที่ต้องการการอนุรักษ์และปลูกฟื้นฟู  

ต้นตะเคียนทองพบได้ในหลายจังหวัดของประเทศไทย เช่น พัทลุง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นแหล่งที่มีความอุดมสมบูรณ์ของดินและน้ำ สำหรับข้อมูลจากองค์กรบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่ส่งเสริมการปลูกต้นตะเคียนทอง ได้แก่

  1. อบต.ปากนคร จังหวัดนครศรีธรรมราช 
  1. อบต.ท่าศาลา จังหวัดสุราษฎร์ธานี 
  1. อบต.ควนพัง จังหวัดพัทลุง

ต้นตะเคียนทองที่มีอายุมากกว่า 20 ปี สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 48.5 กิโลกรัมต่อปี เมื่อเปรียบเทียบกับการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของรถยนต์จำนวน 100,000 คัน ซึ่งแต่ละคันปล่อยคาร์บอนเฉลี่ย 4.6 ตันต่อปี ต้องปลูกต้นตะเคียนทองจำนวน 9.48 ล้านต้น ก้จะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้เป็นอย่างมาก ด้วยคุณสมบัติการดูดซับคาร์บอนที่สูงกว่าพืชอื่นๆ

การปลูกต้นตะเคียนทองเริ่มจากการเพาะเมล็ดหรือการใช้กล้าพันธุ์จากเรือนเพาะชำ ควรเลือกปลูกในดินที่มีความชื้นและแสงแดดเพียงพอ ระยะเวลาการเติบโตของต้นตะเคียนทองนั้นช้า โดยจะเริ่มมีการดูดซับคาร์บอนในปริมาณมากเมื่ออายุต้นเกิน 10 ปีขึ้นไป และจะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อถึงอายุประมาณ 40-50 ปี ซึ่งในช่วงนี้ลำต้นและกิ่งก้านจะมีขนาดใหญ่สามารถกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ได้มาก 

การป้องกันแมลงที่อาจทำลายต้นตะเคียนทองเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ต้นไม้เจริญเติบโตได้ดีและให้ผลผลิตที่มีคุณภาพ วิธีป้องกันแมลงที่มีประสิทธิภาพควรเริ่มต้นจากการตรวจสอบต้นไม้เป็นประจำ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนหรือช่วงที่ต้นไม้เจริญเติบโตเร็ว หากพบแมลงศัตรูพืช เช่น หนอนหรือเพลี้ย ควรใช้วิธีป้องกันทางชีวภาพก่อน เช่น การปลูกพืชสมุนไพรที่มีฤทธิ์ไล่แมลง เช่น ตะไคร้หอม หรือกระเทียม รอบ ๆ แปลงปลูกต้นตะเคียนทอง นอกจากนี้ การรักษาความสะอาดบริเวณแปลงปลูกและการกำจัดวัชพืชที่เป็นแหล่งอาศัยของแมลงก็เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ

การตรวจสอบอายุต้นตะเคียนทองสามารถทำได้ด้วยการนับวงปีจากแก่นไม้หรือการประเมินจากขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของลำต้น เมื่อไม้มีอายุมากเกินกว่า 100 ปี อัตราการเจริญเติบโตจะช้าลงและอาจเริ่มเสื่อมสภาพ การปลูกใหม่จึงเป็นสิ่งจำเป็นในการรักษาป่าไม้ให้คงอยู่  

สอบถามการเข้าร่วมงานหรือติดต่อเข้าร่วมคอมมูนิตี้ธุรกิจจาก O2O

เข้าร่วมคอมมูนิตี้ของเรา
Website : o2oforum
Facebook : o2oforum
Community : o2oforum
Line : @o2oforum
Subscribe : o2oforum
Tel : 0970344225, 0970347554, 0970343220, 0952156145

O2O ESG
About Author

O2O ESG

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *