SUSTAINABILITY

SUSTAINABILITY : AOT ชวนปลูกต้นสักได้คาร์บอนเครดิต

ต้นสักเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ โดยมีความสำคัญทั้งในด้านการ […]

SUSTAINABILITY : AOT ชวนปลูกต้นสักได้คาร์บอนเครดิต

ต้นสักเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ โดยมีความสำคัญทั้งในด้านการเกษตร เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของประเทศไทย ไม้สักมีความสำคัญในประเทศไทยมายาวนาน โดยเฉพาะในภาคเหนือ ซึ่งถือเป็นแหล่งปลูกสักที่ใหญ่ที่สุด ไม้สักได้รับการขนานนามว่าเป็น “ราชาแห่งไม้” เนื่องจากคุณสมบัติที่โดดเด่นในเรื่องของเนื้อไม้ที่มีความทนทานต่อปลวกและแมลง มีลวดลายที่สวยงาม และต้านทานต่อสภาพอากาศร้อนได้ดี จึงเหมาะสำหรับการใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ งานก่อสร้าง และเครื่องเรือนคุณภาพสูง 

ประเทศไทยมีการสนับสนุนการปลูกสักอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ภาคเหนือ เช่น จังหวัดลำพูนและลำปาง ซึ่งเป็นแหล่งผลิตไม้สักที่สำคัญที่สุด มีการส่งเสริมการปลูกไม้สักในโครงการปลูกป่าเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ไม้สักยังเป็นหนึ่งในไม้เศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ ด้วยการส่งออกที่สร้างรายได้สูง เนื่องจากมีความต้องการในตลาดโลก

ต้นสักประมาณ 10,222,222 ต้น สามารถดูดซับคาร์บอนได้เท่ากับการปล่อยคาร์บอนจากรถยนต์ 100,000 คันต่อปี

นอกจากคุณสมบัติทางเศรษฐกิจแล้ว ไม้สักยังมีคุณค่าทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงปลูกต้นสักไว้ที่เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก ในปี พ.ศ. 2513 เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความยั่งยืนและการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ต้นสักพบได้มากในป่าผลัดใบและป่าเบญจพรรณของภาคเหนือและภาคตะวันตก เช่น จังหวัดลำปาง จังหวัดแพร่ และจังหวัดตาก โดยมีการสนับสนุนการปลูกสักจากหลายองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ตัวอย่างเช่น

  1. อบต.บ้านนา อำเภอสามเงา จังหวัดตาก 
  1. อบต.ลำพูน จังหวัดลำพูน 
  1. อบต.ป่าแดด จังหวัดเชียงราย 

ต้นไม้สักที่โตเต็มที่สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 40-50 กิโลกรัมต่อปี เมื่อเปรียบเทียบกับการปล่อยคาร์บอนจากรถยนต์ 100,000 คัน ซึ่งแต่ละคันปล่อยคาร์บอนเฉลี่ย 4.6 ตันต่อปี การปลูกต้นสัก 10 ล้านต้น จะสามารถดูดซับคาร์บอนได้เท่ากับการปล่อยคาร์บอนจากรถยนต์ 100,000 คันต่อปี

ต้นสักเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม การปลูกต้นสักไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียว แต่ยังเป็นการสร้างร่มเงาให้กับอนาคต และเป็นมรดกที่ส่งต่อถึงรุ่นถัดไป เมื่อโตเต็มที่ ต้นสักสามารถสูงตระหง่านและแข็งแรง ด้วยลำต้นที่ใหญ่โต กิ่งก้านขยายเต็มพื้นที่ และรากที่ลึกถึงชั้นดินล่าง ดังนั้น การปลูกต้นสักต้องเว้นระยะห่างจากสิ่งปลูกสร้างอย่างน้อย 10-15 เมตร เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโตที่มั่นคง ไม่เพียงแต่ตัวต้นจะต้องมีพื้นที่ แต่รากที่แผ่กว้างยังช่วยยึดดิน ป้องกันการพังทลายของดินและสร้างความมั่นคงให้แก่ผืนดิน

ในกระบวนการปลูก ควรให้ความสำคัญกับการเลือกพื้นที่ที่ได้รับแสงแดดเต็มที่อย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมง เพราะต้นสักต้องการแสงในการสังเคราะห์แสงเพื่อเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ การขุดหลุมปลูกควรมีขนาดประมาณ 50 เซนติเมตรทั้งกว้างและลึก เพื่อรองรับระบบรากของต้นสัก จากนั้นควรผสมดินปลูกกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก เพื่อเพิ่มสารอาหารและช่วยให้ต้นเจริญเติบโตได้ดีขึ้น

สำหรับต้นกล้าสักที่ปลูกในกระถางกะลามะพร้าวธรรมชาติ กระถางเหล่านี้จะย่อยสลายได้ในดิน ทำให้สามารถนำต้นกล้าพร้อมกระถางลงปลูกได้เลยโดยไม่ต้องแกะ อย่างไรก็ตาม หากกระถางมีความหนาหรือแข็งเกินไป ควรเจาะรูที่ก้นกระถางเล็กน้อยเพื่อให้รากสามารถขยายตัวได้สะดวก และไม่ถูกจำกัดจากกระถางที่ยังไม่ย่อยสลาย

เมื่อวางต้นสักลงในหลุมแล้ว ควรตรวจสอบให้ต้นตั้งตรง รากไม่หักหรืองอ จากนั้นจึงกลบดินให้พอดีกับลำต้น ระวังอย่ากลบดินสูงจนถึงโคนต้น เนื่องจากอาจทำให้เกิดโรคและแมลงที่ส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโต หลังจากปลูก ควรรดน้ำให้ดินชุ่มเพื่อให้ต้นเริ่มปรับตัวได้ดี ควรรักษาความชุ่มชื้นในดิน แต่ต้องระวังอย่ารดน้ำจนดินแฉะ เพราะอาจทำให้รากเน่าและส่งผลกระทบต่อการเติบโตของต้นสักในระยะยาว

การปลูกต้นสักคือการเริ่มต้นของการปลูกอนาคตทั้งในแง่ของธรรมชาติและคุณค่าในชีวิต

สอบถามการเข้าร่วมงานหรือติดต่อเข้าร่วมคอมมูนิตี้ธุรกิจจาก O2O

เข้าร่วมคอมมูนิตี้ของเรา
Website : o2oforum
Facebook : o2oforum
Community : o2oforum
Line : @o2oforum
Subscribe : o2oforum
Tel : 0970344225, 0970347554, 0970343220, 0952156145

O2O ESG
About Author

O2O ESG

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *