SUSTAINABILITY : ทิศทางแนวโน้มธุรกิจ ESG เติบโตขึ้นในปี 2025
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังกลายเป็นศูนย์กลางของการลงทุนด้ […]

ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังกลายเป็นศูนย์กลางของการลงทุนด้าน ESG โดยคาดว่าตลาดจะเติบโตจาก 6,182.9 ล้านดอลลาร์ในปี 2024 เป็น 19,528.2 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 22% การเติบโตนี้ได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ความตระหนักที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และนโยบายของรัฐบาลที่สนับสนุนการลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบ


ประเทศจีนกำลังเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินสีเขียว โดยมีการเติบโตเฉลี่ยต่อปีมากกว่า 20% ในช่วงเจ็ดปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้กำหนดเป้าหมายในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2060 และกำลังส่งเสริมการเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG อย่างโปร่งใสเพื่อดึงดูดการลงทุนระหว่างประเทศ
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของอินเดีย (SEBI) กำลังทบทวนข้อกำหนดการเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG สำหรับบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะในส่วนของห่วงโซ่อุปทาน การทบทวนนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างแนวทางที่สมดุลและสามารถปฏิบัติได้จริงสำหรับบริษัทต่างๆ

ตลาดการลงทุนด้าน ESG ทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตจาก 28,362 ล้านดอลลาร์ในปี 2024 เป็น 79,707 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 19.7% ในประเทศจีน ตลาดการลงทุนด้าน ESG มีมูลค่า 1,633.4 ล้านดอลลาร์ในปี 2024 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 5,079.3 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 21.7%
การลงทุนด้าน ESG ทั่วโลกเติบโตอย่างรวดเร็ว
สำหรับประเทศไทย เราได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการลงทุนที่ยั่งยืนผ่านกองทุน ESG (Environmental, Social, and Governance) อย่างชัดเจน โดยมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (AUM) ของกองทุน ESG ไทยเพิ่มขึ้นเกือบ 400% จาก 6.5 พันล้านบาทในปี 2023 เป็น 32 พันล้านบาทในปี 2024 การเติบโตนี้ได้รับแรงหนุนจากการปรับปรุงเงื่อนไขการลงทุน เช่น การลดระยะเวลาการถือครองจาก 8 ปีเหลือ 5 ปี และการเพิ่มเพดานการลดหย่อนภาษีจาก 100,000 บาทเป็น 300,000 บาท นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้เปิดตัวกองทุน Thai ESG Extra (Thai ESGX) เพื่อส่งเสริมการลงทุนในหุ้นที่มีการเติบโตสูงและยั่งยืน โดยให้นักลงทุนสามารถโอนหน่วยลงทุนจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เดิมเข้าสู่กองทุนนี้ และได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติม การเติบโตของกองทุน ESG ในประเทศไทยสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐและภาคเอกชนในการส่งเสริมการลงทุนที่ยั่งยืน โดยมีการสนับสนุนผ่านสิทธิประโยชน์ทางภาษีและการเปิดตัวกองทุนใหม่ๆ ที่ตอบสนองต่อความต้องการของนักลงทุน แนวโน้มนี้คาดว่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่องในอนาคต
ในยุคที่ความยั่งยืนกลายเป็นหัวใจของกลยุทธ์องค์กรทั่วโลก การสร้างพันธมิตรทางธุรกิจไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นที่ช่วยให้องค์กรสามารถรับมือกับความท้าทายที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเพิ่มขึ้นของกฎหมายและมาตรฐานด้าน ESG ทั่วโลก เช่น Corporate Sustainability Reporting Directive (CSRD) ของสหภาพยุโรป และแนวทางของ Science Based Targets initiative (SBTi) ทำให้องค์กรต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม หลายองค์กรยังขาดความเชี่ยวชาญภายในในการดำเนินการตามข้อกำหนดเหล่านี้ การร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านจึงเป็นทางออกที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่ๆ นอกจากนี้ การบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน เช่น การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่อุปทาน (Scope 3 Emissions) ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน
ตัวอย่างเช่น บริษัท McDonald’s ได้ร่วมมือกับเกษตรกรและพันธมิตรในโครงการ “Routes to Regen” เพื่อส่งเสริมการเกษตรแบบฟื้นฟู ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเพิ่มความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน การร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านจึงเป็นทางออกที่ช่วยเติมเต็มช่องว่างนี้ การร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในการรายงาน ESG สามารถช่วยให้องค์กรสามารถจัดทำรายงานที่มีคุณภาพและสอดคล้องกับมาตรฐานสากลได้ การร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดการ Scope 3 Emissions สามารถช่วยให้องค์กรสามารถลดการปล่อยก๊าซในส่วนนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การร่วมมือกับพันธมิตรที่มีประสบการณ์ในการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรสามารถช่วยให้องค์กรสามารถปรับตัวได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
โดยสรุป การสร้างพันธมิตรทางธุรกิจเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการขับเคลื่อนความยั่งยืนขององค์กรในยุคปัจจุบัน การร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านสามารถช่วยให้องค์กรสามารถรับมือกับความท้าทายที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างมีประสิทธิภาพ

10 พันธมิตรที่ ธุรกิจขนาดใหญ่กำลังมองหาความร่วมมือ
เพื่อให้ธุรกิจขนาดใหญ่สามารถดำเนินงานด้านความยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความท้าทายที่ซับซ้อนในปัจจุบัน การมีพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเป็นสิ่งจำเป็น ต่อไปนี้คือ 10 อาชีพที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนและขับเคลื่อนกลยุทธ์ความยั่งยืนขององค์กรขนาดใหญ่
1.Sustainability & Community Projects ผู้จัดการโครงการชุมชนช่วยองค์กรสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนและดำเนินโครงการที่เป็นประโยชน์ เช่น การพัฒนาชุมชน การส่งเสริมการศึกษา และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนในระดับท้องถิ่นและสร้างคุณค่าร่วมกับสังคม
2.Consulting & Strategy ที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ความยั่งยืนช่วยองค์กรกำหนดวิสัยทัศน์และแผนปฏิบัติการที่สอดคล้องกับเป้าหมาย ESG และแนวโน้มตลาด เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและลดความเสี่ยงในระยะยาว
3.ESG Reporting ผู้เชี่ยวชาญด้านการรายงาน ESG จัดทำรายงานที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เช่น GRI, SASB และ CSRD ช่วยให้องค์กรสามารถสื่อสารความพยายามด้านความยั่งยืนต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างโปร่งใสและน่าเชื่อถือ
4.Media Disclosure & Activation ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารช่วยองค์กรเผยแพร่ความสำเร็จด้านความยั่งยืนผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคและนักลงทุน
5.Carbon Credit & Offsetting Solutions ผู้เชี่ยวชาญด้านคาร์บอนเครดิตช่วยองค์กรวางกลยุทธ์ในการลดและชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผ่านการลงทุนในโครงการที่ได้รับการรับรอง ช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมาย Net Zero ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
6.Supply Chain & Sustainable Procurement ผู้เชี่ยวชาญด้านห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนช่วยองค์กรเลือกซัพพลายเออร์ที่มีความรับผิดชอบ และปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างให้สอดคล้องกับหลักการ ESG เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและลดความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทาน
7.Green Tech & ESG Innovation นักพัฒนาเทคโนโลยีสีเขียวช่วยองค์กรนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียน การพัฒนาโซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร
8.Training & Workshops ผู้ฝึกอบรมด้านความยั่งยืนช่วยเพิ่มพูนความรู้และทักษะให้กับพนักงานทุกระดับ เพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนความยั่งยืนและการมีส่วนร่วมของพนักงานในการดำเนินงานด้าน ESG
9.Investment & Green Finance ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินสีเขียวช่วยองค์กรจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการความยั่งยืน เช่น การออก Green Bonds หรือการลงทุนในโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างความเชื่อมั่นจากนักลงทุน
10.ESG Ratings & Benchmarking ผู้ประเมิน ESG ช่วยองค์กรวัดและเปรียบเทียบผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนกับมาตรฐานอุตสาหกรรม เพื่อระบุจุดแข็งและจุดที่ต้องปรับปรุง และเสริมสร้างความโปร่งใสในการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

จากผลการสำรวจความต้องการด้านบริการ ESG จาก 200 บริษัทขนาดใหญ่ รวมถึงบริษัทมหาชนและบริษัทข้ามชาติโดย O2OESG พบว่าความต้องการแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้
ต้องการมากที่สุด อย่างเร่งด่วน (60%)
- Consulting & Strategy ที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ความยั่งยืน ช่วยองค์กรกำหนดวิสัยทัศน์และแผนปฏิบัติการ
- ESG Reporting ผู้เชี่ยวชาญด้านการรายงาน ESG จัดทำรายงานที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
- Media Disclosure & Activation ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสาร ช่วยองค์กรเผยแพร่ความสำเร็จด้านความยั่งยืน
- Carbon Credit & Offsetting Solutions ผู้เชี่ยวชาญด้านคาร์บอนเครดิต ช่วยองค์กรลดและชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- Supply Chain & Sustainable Procurement ผู้เชี่ยวชาญด้านห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน ช่วยองค์กรเลือกซัพพลายเออร์ที่มีความรับผิดชอบ
กำลังมองหา เพื่อเตรียมความพร้อม (30%)
- Green Tech & ESG Innovation นักพัฒนาเทคโนโลยีสีเขียว ช่วยองค์กรนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- Training & Workshops ผู้ฝึกอบรมด้านความยั่งยืน ช่วยเพิ่มพูนความรู้และทักษะให้กับพนักงาน
- Investment & Green Finance ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินสีเขียว ช่วยองค์กรจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการความยั่งยืน
เริ่มมีความต้องการ (10%)
- ESG Ratings & Benchmarking ผู้ประเมิน ESG ช่วยองค์กรวัดและเปรียบเทียบผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน
- Sustainability & Community Projects ผู้จัดการโครงการชุมชน ช่วยองค์กรสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนและดำเนินโครงการที่เป็นประโยชน์
จากข้อมูลดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าบริษัทขนาดใหญ่ให้ความสำคัญกับการวางกลยุทธ์และการรายงานด้านความยั่งยืนเป็นอันดับแรก รองลงมาคือการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ รวมถึงการฝึกอบรมและการเงินสีเขียว ส่วนการประเมินและโครงการชุมชนยังคงมีความต้องการน้อยกว่า
การได้รับการรับรองด้านความยั่งยืน (ESG Certification) จากหน่วยงานกำกับดูแลภายในประเทศหรือองค์กรระดับสากลเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถสร้างความน่าเชื่อถือและเข้าถึงตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในประเทศไทยและระดับสากล มีแนวทางการรับรองที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง หากคุณต้องการได้รับการรับรองโปรด ขอคำแนะนำจาก O2OESG

ความยั่งยืนได้กลายเป็นแกนหลักของกลยุทธ์เศรษฐกิจระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีนที่ได้ลงทุนในพลังงานสะอาดถึง 6.8 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 940 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2024 ซึ่งใกล้เคียงกับการลงทุนทั่วโลกในเชื้อเพลิงฟอสซิลที่มีมูลค่า 1.12 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ การลงทุนนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของจีนในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ยังเป็นการวางรากฐานเพื่อเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจสีเขียวของโลก
ในขณะที่จีนเดินหน้าอย่างจริงจังในด้านความยั่งยืน สหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์มีแนวโน้มที่จะถอนตัวจากข้อตกลงปารีสและยกเลิกนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมหลายฉบับ ซึ่งอาจทำให้สหรัฐฯ สูญเสียโอกาสในการเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจสีเขียวและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง การเปรียบเทียบนี้ชี้ให้เห็นว่าการไม่ปรับตัวตามแนวโน้มความยั่งยืนอาจทำให้ประเทศสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในอนาคต
การเปลี่ยนแปลงของโลกในด้านความยั่งยืนได้กลายเป็นกระแสหลักที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แม้ผู้นำบางรายจะพยายามต่อต้านกระแสนี้ แต่ทิศทางของโลกที่มุ่งสู่ความยั่งยืนยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง องค์กรและประเทศที่ปรับตัวและลงทุนในด้านความยั่งยืนจะมีโอกาสในการเติบโตและเป็นผู้นำในเศรษฐกิจโลกในอนาคต ขอคำแนะนำจาก O2OESG
สอบถามการเข้าร่วมงานหรือติดต่อเข้าร่วมคอมมูนิตี้ธุรกิจจาก O2O


เข้าร่วมคอมมูนิตี้ของเรา
Website : o2oforum
Facebook : o2oforum
Community : o2oforum
Line : @o2oforum
Subscribe : o2oforum
Tel : 0970344225, 0970347554, 0970343220