SUSTAINABILITY

SUSTAINABILITY : AOT ชวนปลูกต้นพะยอมได้คาร์บอนเครดิต

ต้นพะยอมเป็นไม้ยืนต้นมีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใ […]

SUSTAINABILITY : AOT ชวนปลูกต้นพะยอมได้คาร์บอนเครดิต

ต้นพะยอมเป็นไม้ยืนต้นมีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย ลาว และกัมพูชา นิยมปลูกเพื่อใช้ประโยชน์จากเนื้อไม้ที่แข็งแรง และดอกที่มีกลิ่นหอม เติบโตได้ดีในสภาพอากาศของประเทศไทย และสามารถปลูกลงดินได้ง่ายเมื่อมีการเตรียมที่เหมาะสม การปลูกต้นพะยอมในกระถางที่ทำจากกะลามะพร้าวธรรมชาติ กระถางที่ทำจากกะลามะพร้าวธรรมชาติสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ทำให้สามารถนำต้นไม้ลงปลูกในดินได้โดยไม่ต้องแกะกระถางออก แต่หากกระถางกะลามะพร้าวมีความหนา ควรทำการเจาะกระถางให้มีรูเล็กน้อย เพื่อให้รากของต้นพะยอมสามารถเจริญเติบโตออกมาได้ง่าย กระถางกะลามะพร้าวช่วยรักษาความชื้นให้กับรากในช่วงแรกหลังปลูกลงดิน

ต้นพะยอม 11.5 ล้านต้น จะสามารถดูดซับคาร์บอนได้เท่ากับการปล่อยคาร์บอนจากรถยนต์ 100,000 คัน


พะยอมเป็นต้นไม้พื้นถิ่นของประเทศไทยที่มีประวัติการใช้ประโยชน์มายาวนาน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมไม้ เนื่องจากเนื้อไม้มีความแข็งแรง ทนทานต่อการกัดกร่อนจากแมลง จึงถูกใช้ในการก่อสร้างอาคารบ้านเรือน และงานเฟอร์นิเจอร์ นอกจากนี้ พะยอมยังมีดอกสีขาวหรือเหลืองอ่อนที่มีกลิ่นหอม ดอกไม้จะบานในช่วงฤดูหนาว ซึ่งทำให้ต้นพะยอมมีบทบาทในด้านการปลูกเป็นไม้ประดับในสถานที่สาธารณะและวัดวาอาราม 

ในด้านเศรษฐกิจ ไม้พะยอมได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในตลาดไม้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากคุณภาพของเนื้อไม้ที่ดีและลักษณะลวดลายที่สวยงาม นอกจากนี้ ยังเป็นต้นไม้ที่ใช้ในงานหัตถกรรมพื้นบ้านและผลิตภัณฑ์ที่ต้องการความคงทน เช่น เรือหรือเครื่องมือการเกษตร บทบาทสำคัญของต้นพะยอมยังเชื่อมโยงกับการอนุรักษ์ป่าไม้ในประเทศไทย เนื่องจากเป็นไม้พื้นเมืองที่สามารถปลูกเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมได้ดี

ต้นพะยอมยังมีบทบาทสำคัญในวัฒนธรรมไทย โดยเฉพาะในความเชื่อเกี่ยวกับความเป็นสิริมงคล เชื่อว่าการปลูกต้นพะยอมในบ้านจะนำมาซึ่งความสงบสุขและความมั่งคั่ง นอกจากนี้ พะยอมยังเป็นสัญลักษณ์ของความอดทนและความแข็งแกร่งในฐานะต้นไม้ที่สามารถทนทานต่อสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงได้ดี

บริเวณที่ขึ้นตามธรรมชาติ 
ต้นพะยอมพบได้ในป่าดิบแล้งและป่าเบญจพรรณของประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดที่พบมาก ได้แก่ ลำพูน น่าน และ นครราชสีมา ตัวอย่าง อบต. ที่สนับสนุนการปลูกต้นพะยอม ได้แก่ 

  1. อบต.ห้วยยาง อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ 
  1. อบต.บ้านหลวง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน 
  1. อบต.ท่าวังผา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน 

ต้นพะยอมที่โตเต็มที่สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 30-50 กิโลกรัมต่อปี ขึ้นอยู่กับขนาดและอายุของต้น การปลูกต้นพะยอมจำนวนมากในพื้นที่ป่าปลูกไม่เพียงช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก แต่ยังส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การปลูกต้นพะยอมจำนวนประมาณ 11.5 ล้านต้น จะสามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้เท่ากับการปล่อยคาร์บอนจากรถยนต์ 100,000 คัน

ต้นพะยอมสามารถปลูกได้จากเมล็ดหรือการเพาะกล้า ควรปลูกในดินที่มีการระบายน้ำดีและได้รับแสงแดดเพียงพอ การปลูกในช่วงต้นฤดูฝนจะช่วยให้ต้นได้รับน้ำเพียงพอในช่วงแรกของการเจริญเติบโต การดูแลต้นพะยอมต้องรดน้ำอย่างสม่ำเสมอในช่วงแรก และป้องกันโรคและแมลงศัตรูพืช 

ต้นพะยอมจะเจริญเติบโตเต็มที่เมื่อมีอายุประมาณ 20-30 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ต้นไม้สามารถดูดซับคาร์บอนได้อย่างเต็มที่ การตรวจสอบอายุของต้นไม้สามารถทำได้โดยการนับวงปีจากเนื้อไม้ ต้นพะยอมสามารถมีอายุยืนยาวได้ถึง 100 ปี และยังคงเป็นต้นไม้ที่มีคุณค่าสูงทั้งในด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม

ต้นพะยอมสามารถเติบโตได้สูงถึง 20-30 เมตรเมื่อโตเต็มที่ ดังนั้น ควรปลูกให้ห่างจากตัวบ้านหรือสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโตของรากและกิ่งก้าน ควรเลือกบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึงเต็มที่ เพราะต้นพะยอมต้องการแสงแดดมากในการเจริญเติบโต ดินควรมีการระบายน้ำดี เช่น ดินร่วนหรือดินปนทราย ต้นพะยอมสามารถปรับตัวได้กับดินหลายชนิด แต่จะเติบโตดีที่สุดในดินที่อุดมสมบูรณ์

เริ่มจากการขุดหลุมปลูกให้มีขนาดประมาณ 50 เซนติเมตรทั้งกว้างและลึก เพื่อให้รากมีพื้นที่เพียงพอในการขยายตัว ผสมดินที่ขุดขึ้นมากับปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกเพื่อเพิ่มสารอาหารในดิน นำต้นพะยอมลงปลูกในหลุมโดยตรง โดยไม่จำเป็นต้องแกะกระถางออก ตรวจสอบให้ต้นพะยอมตั้งตรง และเริ่มกลบดินรอบๆ ให้แน่นพอประมาณ ไม่ให้ต้นไม้เอียงหลังจากนั้นกลบดินให้แน่นพอประมาณ แต่ไม่ควรกลบดินจนเกินไปบริเวณโคนต้น เพื่อป้องกันการอับชื้นและการเกิดโรค รดน้ำให้ชุ่มทันทีหลังปลูก และรักษาความชุ่มชื้นของดินในช่วงแรกหลังการปลูก โดยเฉพาะในฤดูร้อนหรือช่วงที่ดินแห้ง

ต้นพะยอมไม่ได้อยู่ในกลุ่มไม้หวงห้ามเหมือนกับต้นพะยูงหรือสัก ดังนั้นการปลูกและตัดต้นพะยอมในพื้นที่ส่วนบุคคลไม่จำเป็นต้องแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยกเว้นกรณีที่ต้องการตัดไม้เพื่อการค้า

ในช่วงปีแรก ควรดูแลให้ดินมีความชุ่มชื้นอย่างสม่ำเสมอ และสามารถใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกเพิ่มทุก 3-6 เดือนเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโต ต้นพะยอมเป็นไม้ที่ทนทานต่อสภาพแห้งแล้งได้ดีเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่ แต่ในช่วงต้นอ่อนควรดูแลเรื่องการรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ การตัดแต่งกิ่งที่ไม่จำเป็นจะช่วยให้ต้นเจริญเติบโตได้ดีและมีรูปทรงสวยงาม

การปลูกต้นพะยอมควรปลูกให้ห่างจากตัวบ้านหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างน้อย 10-15 เมตร เนื่องจากต้นพะยอมเป็นต้นไม้ใหญ่ที่มีรากขยายกว้างและลึก และกิ่งก้านสามารถแผ่กว้างออกไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของบ้านหากปลูกใกล้เกินไป

สอบถามการเข้าร่วมงานหรือติดต่อเข้าร่วมคอมมูนิตี้ธุรกิจจาก O2O

เข้าร่วมคอมมูนิตี้ของเรา
Website : o2oforum
Facebook : o2oforum
Community : o2oforum
Line : @o2oforum
Subscribe : o2oforum
Tel : 0970344225, 0970347554, 0970343220, 0952156145

O2O
About Author

O2O

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *