INVESTMENT

INVESTMENT : ลงทุนฟาร์มใต้น้ำเพิ่มพื้นที่การดูดซับคาร์บอน

ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงด้านทรัพยากรธรรมชาติและความต […]

INVESTMENT : ลงทุนฟาร์มใต้น้ำเพิ่มพื้นที่การดูดซับคาร์บอน

ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงด้านทรัพยากรธรรมชาติและความต้องการเกษตรกรรมที่ตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เทคโนโลยี “ฟาร์มใต้น้ำ” ได้กลายเป็นโอกาสใหม่สำหรับการลงทุนที่ยั่งยืน โดยใช้ศักยภาพของพื้นที่ใต้ทะเล เพื่อพัฒนาเกษตรกรรมที่สอดคล้องกับความยั่งยืนในระยะยาว  

ฟาร์มใต้น้ำเป็นระบบเกษตรกรรมที่ใช้พื้นที่ใต้ทะเลในการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์น้ำ โครงการชั้นนำอย่าง Nemo’s Garden ในอิตาลี ได้พิสูจน์ว่า การปลูกพืชในโดมใต้น้ำ เช่น ผัก สมุนไพร และสาหร่าย สามารถเติบโตได้โดยใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ความชื้นจากน้ำทะเลและแสงแดดจากพื้นผิวทะเล วิธีการนี้ลดความต้องการน้ำจืดและพื้นที่บนบก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความยั่งยืน  

นอกจากนี้ แนวคิดของฟาร์มใต้น้ำยังสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ Bren Smith ผู้ก่อตั้งโครงการ GreenWave ซึ่งเป็นผู้นำด้านการเกษตรกรรมทางทะเลแบบ 3 มิติ (3D Ocean Farming) ที่เน้นการเลี้ยงสัตว์น้ำและปลูกสาหร่ายในเชิงนิเวศ Bren Smith สนับสนุนการพัฒนาเกษตรกรรมที่ช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก เช่น การปลูกสาหร่ายทะเลที่ช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศและลดการปล่อยคาร์บอน  

ฟาร์มใต้น้ำเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการในโลกสร้างธุรกิจที่สอดคล้องกับหลัก ESG โดยในมิติ สิ่งแวดล้อม (Environmental) ฟาร์มใต้น้ำช่วยลดการทำลายพื้นที่บนบก ลดการใช้น้ำจืด และลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก พร้อมส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ เช่น การปลูกสาหร่ายที่ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ด้าน สังคม (Social) ฟาร์มใต้น้ำสามารถสร้างงานในชุมชนชายฝั่ง พัฒนาความรู้ด้านเทคโนโลยีเกษตรกรรม และเพิ่มรายได้ผ่านการผลิตสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าสูง เช่น สมุนไพรทางการแพทย์ ขณะที่ในมิติ ธรรมาภิบาล (Governance) เทคโนโลยีที่ต้องการความโปร่งใสและการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ฟาร์มใต้น้ำเป็นตัวอย่างของการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคม ซึ่งสามารถดึงดูดนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การลงทุนฟาร์มใต้น้ำสอดคล้องกับเป้าหมายความยั่งยืนโลกอนาคต    

แม้ว่าฟาร์มใต้น้ำจะช่วยส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพในบางด้าน เช่น การปลูกสาหร่ายที่ช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ แต่ก็อาจนำมาซึ่งความเสี่ยงต่อระบบนิเวศทางทะเลหากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ตัวอย่างความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ การรบกวนถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเล การเปลี่ยนแปลงสภาพน้ำในพื้นที่ การปล่อยสารเคมีหรือสารอาหารส่วนเกินลงในทะเล และการแพร่พันธุ์ของสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่สายพันธุ์ท้องถิ่น (Invasive Species) ซึ่งอาจสร้างความไม่สมดุลต่อระบบนิเวศโดยรวม

  1. การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ก่อนตั้งฟาร์มใต้น้ำ ควรมีการประเมินผลกระทบต่อระบบนิเวศโดยรอบอย่างรอบคอบ เช่น ผลกระทบต่อแนวปะการัง สัตว์ทะเล และคุณภาพน้ำ การศึกษาดังกล่าวควรได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม
  2. การเลือกพื้นที่ที่เหมาะสม ฟาร์มใต้น้ำควรตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีระบบนิเวศเปราะบาง เช่น แนวปะการังหรือเขตอนุรักษ์ และไม่อยู่ในเส้นทางอพยพของสัตว์ทะเล ควรใช้การวางแผนพื้นที่ทางทะเล (Marine Spatial Planning) เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับกิจกรรมทางทะเลอื่น ๆ
  3. การควบคุมคุณภาพน้ำและสารอาหาร ต้องตรวจสอบคุณภาพน้ำอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันไม่ให้สารอาหารส่วนเกินหรือของเสียจากฟาร์มส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล เช่น การปล่อยสารไนเตรตหรือฟอสเฟตที่อาจกระตุ้นการเติบโตของสาหร่ายชนิดที่เป็นอันตราย
  4. การปลูกพืชหรือสิ่งมีชีวิตที่เหมาะสม ควรเลือกพืชหรือสิ่งมีชีวิตที่ปลูกในฟาร์มใต้น้ำให้เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น และหลีกเลี่ยงการนำสายพันธุ์ต่างถิ่นเข้ามาใช้ เนื่องจากอาจก่อให้เกิดการแพร่พันธุ์ของสิ่งมีชีวิตที่ไม่พึงประสงค์ (Invasive Species) ซึ่งอาจคุกคามสิ่งมีชีวิตในท้องถิ่น
  5. การกำกับดูแลและติดตามผล ฟาร์มใต้น้ำควรมีระบบการติดตามผลกระทบทางชีวภาพและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงรายงานผลต่อหน่วยงานกำกับดูแล การใช้เทคโนโลยี เช่น เซ็นเซอร์ใต้น้ำหรือระบบ IoT ช่วยติดตามคุณภาพน้ำและการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศจะช่วยลดความเสี่ยงได้
  6. ความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญและชุมชนท้องถิ่น การทำงานร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ด้านระบบนิเวศทางทะเล รวมถึงการให้ความรู้และความเข้าใจกับชุมชนในพื้นที่ จะช่วยสร้างความสมดุลระหว่างการดำเนินธุรกิจและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

ฟาร์มใต้น้ำไม่ได้เป็นเพียงนวัตกรรมทางเกษตรกรรม แต่ยังเป็นโอกาสการลงทุนที่ตอบสนองความต้องการในด้าน ESG ของนักลงทุนยุคใหม่ การเริ่มต้นลงทุนในเทคโนโลยีนี้ ไม่เพียงช่วยส่งเสริมความยั่งยืน แต่ยังสร้างศักยภาพให้ประเทศที่สร้างฟาร์มใต้น้ำกลายเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคอาเซียน ผู้ประกอบการบนโลกที่มุ่งเน้นความยั่งยืนสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลก และเติบโตในตลาดระดับสากลไปพร้อมกัน  

การพัฒนาฟาร์มใต้น้ำ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ผสมผสานเทคโนโลยีและความยั่งยืน ต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายและข้อบังคับที่ครอบคลุมทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางทะเล เช่น การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เพื่อป้องกันผลกระทบต่อระบบนิเวศใต้น้ำ และกฎหมายการใช้พื้นที่ทางทะเลที่กำหนดเขตการดำเนินงานโดยไม่กระทบต่อการอนุรักษ์ นอกจากนี้ ยังต้องปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัยใต้น้ำ มาตรฐานคุณภาพน้ำ และการจัดการของเสียเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม รวมถึงได้รับการสนับสนุนจากกฎหมายส่งเสริมพลังงานสะอาด การลงทุนในธุรกิจยั่งยืน และการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อสร้างความยั่งยืนทั้งในระดับประเทศและสากล พร้อมปฏิบัติตามอนุสัญญาระหว่างประเทศ เช่น UNCLOS และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินงานสอดคล้องกับมาตรฐานระดับโลกและไม่กระทบต่อความสมดุลของธรรมชาติในระยะยาว  

สอบถามการเข้าร่วมงานหรือติดต่อเข้าร่วมคอมมูนิตี้ธุรกิจจาก O2O

เข้าร่วมคอมมูนิตี้ของเรา
Website : o2oforum
Facebook : o2oforum
Community : o2oforum
Line : @o2oforum
Subscribe : o2oforum
Tel : 0970344225, 0970347554, 0952156145

O2O ESG
About Author

O2O ESG

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *